Japandi สไตล์แต่งบ้านที่ลงตัว เมื่อความเรียบง่ายแบบสแกนดิเนเวีย มาเจอกับฟังก์ชันแบบญี่ปุ่น

ไอเดียแต่งบ้านและคอนโดสไตล์ Japandi ผสมผสานความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นกับความอบอุ่นแบบสแกนดิเนเวีย เหมาะกับพื้นที่เล็ก อยู่สบาย ใช้งานได้จริง

ค้นพบเสน่ห์ของสไตล์ Japandi ที่ผสานความอบอุ่นแบบ Scandinavian เข้ากับความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่น ให้บ้านของคุณ นิ่ง สบาย ใช้งานได้จริง

Japandi คืออะไร? สไตล์แต่งบ้านที่ทั้งสงบ เรียบง่าย และกำลังมาแรง

          ในยุคที่การใช้ชีวิตในเมืองเต็มไปด้วยความเร่งรีบและพื้นที่อยู่อาศัยมีขนาดจำกัดมากขึ้น สไตล์การแต่งบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความเรียบง่าย และการใช้งานที่แท้จริงจึงกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น และหนึ่งในสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่เจ้าของบ้านและคอนโดคนไทยก็คือ “Japandi” (แจแพนดิ) Japandi คือการผสมผสานความละมุนของ Scandinavian design ที่เน้นความอบอุ่น สว่าง และเป็นธรรมชาติ เข้ากับความเรียบ นิ่ง และละเมียดละไมแบบ Japanese minimalism กลายเป็นงานออกแบบที่ทั้งเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยฟังก์ชัน บ้านในสไตล์นี้จึงดูโปร่งโล่ง สบายตา และใช้งานได้จริงในทุกตารางเมตร เหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยยุคใหม่ที่อยากได้บ้านที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้อง “อยู่แล้วรู้สึกดี และใช้พื้นที่ได้คุ้มที่สุด” ด้วยเช่นกัน

ทำความรู้จักกับ Japandi สไตล์ที่กำลังเป็นที่สนใจ

          สไตล์ Japandi กลายเป็นหนึ่งในสไตล์ที่คนไทยให้ความสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความที่ผสมผสานเสน่ห์ของญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สไตล์นี้จะเข้ากับบ้านในเมืองไทยได้อย่างดี โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นคอนโดหรือบ้านหลังเล็ก สไตล์ Japandi จะช่วยจัดสรรพื้นที่ให้ใช้งานได้จริง ลดความรู้สึกอึดอัด ด้วยการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชันชัดเจน และหลีกเลี่ยงของตกแต่งที่ไม่จำเป็น

อีกหนึ่งเสน่ห์ของ Japandi คือบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ โทนสีเอิร์ธโทน การเลือกใช้วัสดุไม้ รวมถึงการเปิดรับแสงธรรมชาติอย่างพอเหมาะ ล้วนช่วยให้บ้านดูละมุน นุ่มนวล ชวนให้นึกถึงคาเฟ่หรือบ้านพักตากอากาศที่พร้อมให้พักผ่อนในทุกวันของชีวิต

ที่สำคัญ สไตล์นี้ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการความเป็นระเบียบและใช้งานได้ง่าย Japandi ยึดหลักการ “เรียบง่ายใช้ได้จริง” (Minimal but functional) ทุกชิ้นที่อยู่ในบ้านต้องมีเหตุผลในการใช้งาน ไม่ใช่แค่มีไว้เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว บ้านจึงดูไม่รก มีความเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบความสงบและต้องการใช้ชีวิตในพื้นที่ที่เป็นระเบียบและมีความหมายในทุกมุมของบ้าน

สไตล์ที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ใช้ชีวิตได้จริง

Japandi ไม่ได้เป็นเพียงแค่สไตล์แต่งบ้านที่ดูสวยสะอาดตา แต่เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความสงบ และการใช้ชีวิตอย่างมีสติ บ้านในสไตล์นี้มักเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น จัดพื้นที่ให้โล่ง โปร่ง ไม่รกสายตา และใช้โทนสีอ่อน ๆ อย่างไม้ สีครีม สีขาว และแสงธรรมชาติช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น เพราะมันไม่ใช่แค่บ้านที่แต่งให้สวยตามเทรนด์ แต่เป็นบ้านที่ทำให้เรา “อยู่แล้วรู้สึกดี” ทั้งในแง่ของการพักผ่อน ดูแลรักษาง่าย และใช้ชีวิตได้เต็มที่โดยไม่รู้สึกอึดอัด

หัวใจของ Japandi: เรียบง่ายแต่มีความหมายในทุกดีเทล

          แม้ญี่ปุ่นกับสแกนดิเนเวียจะอยู่คนละซีกโลก แต่แนวคิดด้านการออกแบบของทั้งสองวัฒนธรรมกลับใกล้เคียงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งคู่ต่างให้ความสำคัญกับ “ความเรียบง่าย” วัสดุธรรมชาติ งานฝีมือ และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง

ฝั่ง สแกนดิเนเวีย จะเน้นความอบอุ่นและความรู้สึกเป็นกันเองในบ้าน ซึ่งเรียกกันว่า Hygge (ฮู้กเกะ) — ความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเรียบง่าย เช่น การนั่งจิบกาแฟท่ามกลางแสงธรรมชาติบนโซฟานุ่ม ๆ ห่มผ้าอุ่น ๆ ในห้องที่ตกแต่งด้วยโทนไม้สีอ่อนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ในขณะที่ ญี่ปุ่น ยึดถือความงามแบบ Wabi-Sabi ซึ่งเป็นความงดงามของความไม่สมบูรณ์แบบ และแนวคิด Ma หรือ “พื้นที่ว่างที่มีความหมาย” — เช่น ช่องว่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยให้บ้านดูโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด วัสดุที่ใช้ก็มักเป็นไม้ ไผ่ หิน หรือกระดาษญี่ปุ่น ที่เชื่อมโยงกับความสงบของธรรมชาติอย่างกลมกลืน

เมื่อสองแนวคิดนี้มาบรรจบกันในสไตล์ Japandi เราจึงได้บ้านที่ “เรียบแต่ลึก” โล่ง โปร่ง เบา แต่มีความหมายในทุกดีเทล ทุกมุมของบ้านถูกออกแบบให้ใช้งานได้จริง มีจังหวะของการจัดวาง และทุกชิ้นล้วนถูกเลือกมาอย่างตั้งใจ

หลักการแต่งบ้านแบบ Japandi ที่คุณทำตามได้ง่ายๆ
1. เลือกใช้โทนสีธรรมชาติ (Natural Tones)

หัวใจของการแต่งบ้านสไตล์ Japandi คือ ความเรียบง่ายและความกลมกลืน โทนสีที่เลือกจึงควรเน้นความสงบ สบายตา และสื่อถึงธรรมชาติ โทนสีที่แนะนำ เช่น:
ขาวนวล เทาอ่อน น้ำตาลทราย สีไม้ธรรมชาติสีเขียวหม่น ฟ้าน้ำหมึก หรือสีน้ำเงินเข้มในโทนที่ดูนิ่งแซมด้วยสีเข้มอย่างดำเทา ส้มอิฐ หรือสีน้ำตาลไหม้ เพื่อสร้างจุดโฟกัสให้บ้านดูมีมิติ

  • ขาวนวล เทาอ่อน น้ำตาลทราย สีไม้ธรรมชาติ
  • สีเขียวหม่น ฟ้าน้ำหมึก หรือสีน้ำเงินเข้มในโทนที่ดูนิ่ง
  • แซมด้วยสีเข้มอย่างดำเทา ส้มอิฐ หรือสีน้ำตาลไหม้ เพื่อสร้างจุดโฟกัสให้บ้านดูมีมิติ

เนื่องจากแสงแดดเมืองไทยค่อนข้างแรง สีที่ดูซอฟต์ในต่างประเทศอาจดูจัดจ้านเกินไปเมื่อมาอยู่ในบ้านเรา แนะนำให้เลือกเฉดที่ “หม่นกว่าที่คิดไว้เล็กน้อย” จะช่วยให้บ้านดูนุ่มนวลและอยู่สบายตาในระยะยาว

2. เลือกใช้วัสดุธรรมชาติให้มากที่สุด

หนึ่งในจุดเด่นของ สไตล์ Japandi คือการใช้วัสดุที่มี “ผิวสัมผัส” และ “เรื่องราว” วัสดุธรรมชาติจะช่วยให้บ้านดูอบอุ่น ผ่อนคลาย และไม่รู้สึกแข็งหรือเทียมจนเกินไป วัสดุที่เหมาะกับสไตล์นี้ (และหาได้ง่ายในไทย!) ได้แก่:
ไม้จริง ทั้งไม้สีอ่อนแบบสแกนดิเนเวีย เช่น โอ๊ค, สน และไม้เข้มแบบญี่ปุ่น เช่น วอลนัต, ไม้สัก ที่คนไทยคุ้นเคยไผ่ หวาย รากไม้ วัสดุพื้นถิ่นที่ช่วยให้บ้านดูเย็นสบาย มีลมผ่าน และได้กลิ่นอายแบบไทยร่วมสมัยผ้าธรรมชาติ อย่าง ลินิน, ฝ้ายดิบ, ผ้าทอมือ ที่ไม่ผ่านการฟอกหรือย้อมสีแรง ช่วยเพิ่ม Texture ให้บ้านดูละมุนขึ้น

  • ไม้จริง ทั้งไม้สีอ่อนแบบสแกนดิเนเวีย เช่น โอ๊ค, สน และไม้เข้มแบบญี่ปุ่น เช่น วอลนัต, ไม้สัก ที่คนไทยคุ้นเคย‍
  • ไผ่ หวาย รากไม้ วัสดุพื้นถิ่นที่ช่วยให้บ้านดูเย็นสบาย มีลมผ่าน และได้กลิ่นอายแบบไทยร่วมสมัย‍
  • ผ้าธรรมชาติ อย่าง ลินิน, ฝ้ายดิบ, ผ้าทอมือ ที่ไม่ผ่านการฟอกหรือย้อมสีแรง ช่วยเพิ่ม Texture ให้บ้านดูละมุนขึ้น

ปล่อยให้วัสดุ "เล่าเรื่องของตัวเอง" ผ่านริ้วรอย ความไม่เรียบ หรือสีที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา นี่แหละคือความงามแบบ Wabi-Sabi ที่แท้จริง

3. เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่ใช้งานได้จริง

สไตล์ Japandi คือการ “ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก” แล้วเลือกเก็บไว้เฉพาะสิ่งที่ มีฟังก์ชันและมีความสวยงามในตัวเอง ไม่ต้องแต่งบ้านให้แน่นของ แต่เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่คิดมาแล้วว่า “ตอบโจทย์การใช้ชีวิต” ในทุกตารางนิ้ว ตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับบ้านสไตล์นี้:
เตียงแบบมีลิ้นชักเก็บของ เก็บของได้โดยไม่รบกวนสายตาโต๊ะกินข้าวที่เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ เหมาะกับบ้านหรือคอนโดพื้นที่จำกัดตู้บิวท์อินสูงจรดฝ้า ใช้พื้นที่แนวตั้งให้คุ้ม พร้อมเก็บของได้เยอะแบบไม่รกโซฟาปรับนอนได้ หรือดึงเบาะมาใช้บนพื้น ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและสไตล์มินิมอลแบบญี่ปุ่น

  • เตียงแบบมีลิ้นชักเก็บของ เก็บของได้โดยไม่รบกวนสายตา
  • โต๊ะกินข้าวที่เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ เหมาะกับบ้านหรือคอนโดพื้นที่จำกัด
  • ตู้บิวท์อินสูงจรดฝ้า ใช้พื้นที่แนวตั้งให้คุ้ม พร้อมเก็บของได้เยอะแบบไม่รก
  • โซฟาปรับนอนได้ หรือดึงเบาะมาใช้บนพื้น ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและสไตล์มินิมอลแบบญี่ปุ่น

Japandi ไม่ใช่แค่แต่งบ้านให้สวย แต่คือการ ออกแบบชีวิตให้ง่ายขึ้น และให้ทุกชิ้นในบ้าน “อยู่ด้วยเหตุผล”

4. จัดบ้านให้มีจังหวะและ “พื้นที่ว่างที่มีความหมาย”

บ้านที่ดี ไม่ใช่แค่มีของครบ แต่ต้องมี "ช่องว่าง" ที่ช่วยให้รู้สึกสงบ ในสไตล์ Japandi เราเรียกแนวคิดนี้ว่า ma (間) หรือ “ความว่างที่ไม่ว่างเปล่า” เป็นการออกแบบให้บ้านมีจังหวะของการวางของ การเว้นพื้นที่ และการพักสายตา ลองจัดบ้านแบบนี้ดู:
เว้นช่องไฟระหว่างเฟอร์นิเจอร์ ให้เดินได้สะดวกและสายตาไม่รู้สึกอึดอัดไม่วางของทุกมุม แต่เลือกวางเฉพาะมุมที่จำเป็นหรือมุมที่อยากให้เด่นปล่อยผนังบางด้านให้โล่ง หรือโชว์เท็กซ์เจอร์ของผนังไม้หรือผนังปูนเปลือยแทนการแขวนของ

  • เว้นช่องไฟระหว่างเฟอร์นิเจอร์ ให้เดินได้สะดวกและสายตาไม่รู้สึกอึดอัด
  • ไม่วางของทุกมุม แต่เลือกวางเฉพาะมุมที่จำเป็นหรือมุมที่อยากให้เด่น
  • ปล่อยผนังบางด้านให้โล่ง หรือโชว์เท็กซ์เจอร์ของผนังไม้หรือผนังปูนเปลือยแทนการแขวนของ

บ้านที่ “หายใจได้” จะช่วยให้คนที่อยู่รู้สึกผ่อนคลาย ไม่แน่น ไม่เครียด และมีสมาธิมากขึ้น นี่คือความเรียบง่ายที่ลึกซึ้งแบบ Japandi

5. เติมความเป็นธรรมชาติด้วยต้นไม้และของแฮนด์เมด

ถึงแม้สไตล์ Japandi จะดูเรียบง่าย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดูนิ่งเกินไป สิ่งที่ช่วยเติมความ “มีชีวิต” ให้บ้านได้ดีคือ ธรรมชาติ และ งาน handmade สิ่งเล็กๆ ที่ช่วยให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นทันที:
ต้นไม้ใบเขียวแบบดูแลง่าย เช่นไทรใบสัก, ยางอินเดีย, หรือ มอนสเตอร่า ที่ให้ทั้งความสดชื่นและช่วยฟอกอากาศแจกันหรือภาชนะเซรามิกทำมือ  ยิ่งมี texture ยิ่งสวยโคมไฟกระดาษญี่ปุ่น (Shoji lamp)  ให้แสงนุ่ม สบายตา และมีเอกลักษณ์งาน handmade เช่น หมอนอิง ผ้าปูโต๊ะ หรือพรมผืนเล็กๆ  เนื้อผ้าธรรมชาติช่วยเพิ่มความอบอุ่นและความรู้สึก “บ้าน”

  • ต้นไม้ใบเขียวแบบดูแลง่าย เช่นไทรใบสัก, ยางอินเดีย, หรือ มอนสเตอร่า ที่ให้ทั้งความสดชื่นและช่วยฟอกอากาศ‍
  • แจกันหรือภาชนะเซรามิกทำมือ ยิ่งมี texture ยิ่งสวย‍
  • โคมไฟกระดาษญี่ปุ่น (Shoji lamp) ให้แสงนุ่ม สบายตา และมีเอกลักษณ์‍
  • งาน handmade เช่น หมอนอิง ผ้าปูโต๊ะ หรือพรมผืนเล็กๆ เนื้อผ้าธรรมชาติช่วยเพิ่มความอบอุ่นและความรู้สึก “บ้าน”

บ้านที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ควร “มีชีวิต” และสะท้อนความเป็นตัวเรา Japandi ไม่ใช่แค่ดีไซน์ แต่คือบรรยากาศที่เราอยู่แล้วรู้สึก สงบ อบอุ่น และเป็นธรรมชาติ

ทำไมสไตล์ Japandi ถึงเหมาะกับบ้านเรา

          Japandi ไม่ใช่แค่เทรนด์การแต่งบ้านที่ดูเรียบง่าย แต่คือแนวทางการออกแบบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยในหลายด้าน ทั้งเรื่องขนาดบ้าน สภาพอากาศ และความต้องการพื้นที่ที่ใช้งานได้จริงในทุกตารางเมตรด้วยเส้นสายที่เรียบง่าย โทนสีอ่อนสบายตา และการจัดวางพื้นที่อย่างมีจังหวะ Japandi ช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้นโดยไม่ต้องต่อเติมอะไรเพิ่ม บ้านจะดูโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด เหมาะกับคอนโด บ้านทาวน์โฮม หรือพื้นที่ขนาดกะทัดรัดในเมืองที่ต้องการความผ่อนคลาย

เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้มักเน้นฟังก์ชันที่ตอบโจทย์จริง เช่น แบบบิวท์อินหรือมัลติฟังก์ชันที่ช่วยให้บ้านดูเรียบร้อยและเป็นระเบียบ ไม่รกสายตา ทุกชิ้นถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุดโดยไม่เสียความสวยงาม

นอกจากนี้ วัสดุธรรมชาติอย่างไม้ หวาย ไผ่ และผ้าฝ้าย ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย ช่วยให้บ้านระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น อยู่แล้วรู้สึกเย็นสบาย และมีบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติJapandi จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นแนวทางที่ทำให้บ้าน “อยู่สบาย” ทั้งในแง่ของการใช้งาน ความรู้สึก และบรรยากาศ รวมถึงช่วยสร้างสมดุลระหว่างฟังก์ชันและความสงบแบบมีความหมายในชีวิตประจำวัน

สิ่งที่ต้องคิด ก่อนเริ่มแต่งบ้านใหม่

          การแต่งบ้านไม่ใช่แค่การเลือกเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ แล้ววางให้ครบ แต่คือการออกแบบ “วิธีอยู่” ใหม่ ที่สะท้อนถึงความเป็นตัวเรา และตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริง ๆ ในทุกวัน ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนบ้านให้เป็นสไตล์ Japandi การหยุดคิดไตร่ตรองเล็กน้อย อาจทำให้บ้านหลังเดิม กลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่ลงตัวทั้งในแง่ของดีไซน์และฟังก์ชัน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือเรื่องของแสงและสี สีที่ดูละมุนในแคตตาล็อกหรือบน Pinterest อาจกลายเป็นสีที่ขาวจ้าจนเกินไปเมื่อเจอกับแสงธรรมชาติแรง ๆ แบบเมืองไทย การลองเทสต์สีจริงบนผนังบ้านก่อนทาเต็มพื้นที่ จะช่วยให้ได้เฉดที่พอดี เฉดที่ “หม่นนิดนึง” มักให้ความรู้สึกซอฟต์และนุ่มนวลกับสายตามากกว่าในระยะยาว

อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือวัสดุที่ใช้ การเลือกใช้ไม้สัก ไม้เต็ง ไผ่ หรือแม้แต่รากไม้จากแหล่งท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ให้ความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังช่วยให้บ้านดูมีชีวิต มีเรื่องเล่า และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยั่งยืนกว่าวัสดุที่สั่งมาจากที่ไกล

ก่อนจะตื่นเต้นกับของแต่งบ้านจุกจิก แนะนำให้เริ่มจากการวางแผนเฟอร์นิเจอร์หลักก่อน เช่น โซฟา เตียง หรือโต๊ะทานข้าว แล้วค่อยเติมของตกแต่งทีหลัง วิธีนี้จะช่วยควบคุมงบประมาณได้ดี และทำให้ทุกชิ้นที่เลือกเข้ามาในบ้าน “ใช่จริง ๆ” ทั้งในแง่ของขนาด การใช้งาน และสไตล์

สุดท้าย อย่าลืม “เคลียร์ของเก่า” ก่อนจะซื้อของใหม่เข้าบ้าน บ้านที่ดีไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยของตกแต่ง แต่ควรมีพื้นที่ให้หายใจ ลองพิจารณาอย่างตั้งใจว่าอะไรควรอยู่ อะไรควรไป การจัดบ้านให้เรียบร้อยตั้งแต่ต้นจะช่วยให้เราออกแบบสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น และอยู่แล้วรู้สึกสบายกว่าเดิม

ก่อนจะเปลี่ยนบ้าน ลองเปลี่ยนวิธีมองบ้าน แล้วคุณอาจได้พื้นที่ที่ “ใช่” มากกว่าที่เคยคิดไว้ก็ได้

สวย เรียบง่าย และใช้ได้จริง

Japandi ไม่ใช่แค่แนวทางการแต่งบ้าน แต่มันคือวิธีคิดเกี่ยวกับบ้านที่เน้นความเรียบง่ายและความหมายในทุกสิ่งที่เราเลือกจะอยู่ร่วมด้วย การอยู่ในบ้านไม่ใช่แค่การใช้พื้นที่ แต่คือการใช้ชีวิตอย่างตั้งใจ บ้านที่ตกแต่งในสไตล์นี้จึงไม่จำเป็นต้องหรูหรา หรือเต็มไปด้วยของตกแต่งมากมาย ขอแค่ทุกอย่างในบ้านมีที่มา มีหน้าที่ และสร้างความสุขให้กับคนที่อยู่

ความเรียบง่ายในแบบ Japandi ไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่คือการจัดสมดุล บ้านจึงดูโล่ง โปร่ง เบา แต่ยังคงความอบอุ่นเอาไว้ได้อย่างพอดี ทุกองค์ประกอบล้วนถูกเลือกอย่างตั้งใจ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบให้ใช้งานได้จริง วัสดุที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ หรือแม้แต่ช่องว่างระหว่างสิ่งของที่ทำให้บ้านหายใจได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาพื้นที่ที่อยู่ง่าย สบายตา และรู้สึกได้ถึงความสงบตั้งแต่แรกเห็น Japandi คือคำตอบ บ้านไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องตามเทรนด์ แค่ขอให้ตอบโจทย์ชีวิตจริง อยู่แล้วเย็นใจ และเป็นที่ที่เราอยากกลับมาในทุกวัน

เริ่มต้นได้จากการปรับมุมเล็ก ๆ ในบ้าน ลองเลือกสิ่งของที่เรารักจริง ๆ เคลียร์ของที่ไม่จำเป็น ใช้แสงธรรมชาติให้มากขึ้น  แค่เพียงเท่านี้ บ้านของคุณก็จะเริ่มมีความเรียบง่ายในแบบของตัวเอง

Continue Reading

We showcasing a range of innovative projects and the diverse materials and unconventional forms employed in their construction.

Japandi สไตล์แต่งบ้านที่ลงตัว เมื่อความเรียบง่ายแบบสแกนดิเนเวีย มาเจอกับฟังก์ชันแบบญี่ปุ่น

ไอเดียแต่งบ้านและคอนโดสไตล์ Japandi ผสมผสานความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นกับความอบอุ่นแบบสแกนดิเนเวีย เหมาะกับพื้นที่เล็ก อยู่สบาย ใช้งานได้จริง

ค้นพบเสน่ห์ของสไตล์ Japandi ที่ผสานความอบอุ่นแบบ Scandinavian เข้ากับความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่น ให้บ้านของคุณ นิ่ง สบาย ใช้งานได้จริง

Japandi คืออะไร? สไตล์แต่งบ้านที่ทั้งสงบ เรียบง่าย และกำลังมาแรง

          ในยุคที่การใช้ชีวิตในเมืองเต็มไปด้วยความเร่งรีบและพื้นที่อยู่อาศัยมีขนาดจำกัดมากขึ้น สไตล์การแต่งบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความเรียบง่าย และการใช้งานที่แท้จริงจึงกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น และหนึ่งในสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่เจ้าของบ้านและคอนโดคนไทยก็คือ “Japandi” (แจแพนดิ) Japandi คือการผสมผสานความละมุนของ Scandinavian design ที่เน้นความอบอุ่น สว่าง และเป็นธรรมชาติ เข้ากับความเรียบ นิ่ง และละเมียดละไมแบบ Japanese minimalism กลายเป็นงานออกแบบที่ทั้งเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยฟังก์ชัน บ้านในสไตล์นี้จึงดูโปร่งโล่ง สบายตา และใช้งานได้จริงในทุกตารางเมตร เหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยยุคใหม่ที่อยากได้บ้านที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้อง “อยู่แล้วรู้สึกดี และใช้พื้นที่ได้คุ้มที่สุด” ด้วยเช่นกัน

ทำความรู้จักกับ Japandi สไตล์ที่กำลังเป็นที่สนใจ

          สไตล์ Japandi กลายเป็นหนึ่งในสไตล์ที่คนไทยให้ความสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความที่ผสมผสานเสน่ห์ของญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สไตล์นี้จะเข้ากับบ้านในเมืองไทยได้อย่างดี โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นคอนโดหรือบ้านหลังเล็ก สไตล์ Japandi จะช่วยจัดสรรพื้นที่ให้ใช้งานได้จริง ลดความรู้สึกอึดอัด ด้วยการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชันชัดเจน และหลีกเลี่ยงของตกแต่งที่ไม่จำเป็น

อีกหนึ่งเสน่ห์ของ Japandi คือบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ โทนสีเอิร์ธโทน การเลือกใช้วัสดุไม้ รวมถึงการเปิดรับแสงธรรมชาติอย่างพอเหมาะ ล้วนช่วยให้บ้านดูละมุน นุ่มนวล ชวนให้นึกถึงคาเฟ่หรือบ้านพักตากอากาศที่พร้อมให้พักผ่อนในทุกวันของชีวิต

ที่สำคัญ สไตล์นี้ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการความเป็นระเบียบและใช้งานได้ง่าย Japandi ยึดหลักการ “เรียบง่ายใช้ได้จริง” (Minimal but functional) ทุกชิ้นที่อยู่ในบ้านต้องมีเหตุผลในการใช้งาน ไม่ใช่แค่มีไว้เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว บ้านจึงดูไม่รก มีความเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบความสงบและต้องการใช้ชีวิตในพื้นที่ที่เป็นระเบียบและมีความหมายในทุกมุมของบ้าน

สไตล์ที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ใช้ชีวิตได้จริง

Japandi ไม่ได้เป็นเพียงแค่สไตล์แต่งบ้านที่ดูสวยสะอาดตา แต่เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความสงบ และการใช้ชีวิตอย่างมีสติ บ้านในสไตล์นี้มักเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น จัดพื้นที่ให้โล่ง โปร่ง ไม่รกสายตา และใช้โทนสีอ่อน ๆ อย่างไม้ สีครีม สีขาว และแสงธรรมชาติช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น เพราะมันไม่ใช่แค่บ้านที่แต่งให้สวยตามเทรนด์ แต่เป็นบ้านที่ทำให้เรา “อยู่แล้วรู้สึกดี” ทั้งในแง่ของการพักผ่อน ดูแลรักษาง่าย และใช้ชีวิตได้เต็มที่โดยไม่รู้สึกอึดอัด

หัวใจของ Japandi: เรียบง่ายแต่มีความหมายในทุกดีเทล

          แม้ญี่ปุ่นกับสแกนดิเนเวียจะอยู่คนละซีกโลก แต่แนวคิดด้านการออกแบบของทั้งสองวัฒนธรรมกลับใกล้เคียงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งคู่ต่างให้ความสำคัญกับ “ความเรียบง่าย” วัสดุธรรมชาติ งานฝีมือ และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง

ฝั่ง สแกนดิเนเวีย จะเน้นความอบอุ่นและความรู้สึกเป็นกันเองในบ้าน ซึ่งเรียกกันว่า Hygge (ฮู้กเกะ) — ความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเรียบง่าย เช่น การนั่งจิบกาแฟท่ามกลางแสงธรรมชาติบนโซฟานุ่ม ๆ ห่มผ้าอุ่น ๆ ในห้องที่ตกแต่งด้วยโทนไม้สีอ่อนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ในขณะที่ ญี่ปุ่น ยึดถือความงามแบบ Wabi-Sabi ซึ่งเป็นความงดงามของความไม่สมบูรณ์แบบ และแนวคิด Ma หรือ “พื้นที่ว่างที่มีความหมาย” — เช่น ช่องว่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยให้บ้านดูโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด วัสดุที่ใช้ก็มักเป็นไม้ ไผ่ หิน หรือกระดาษญี่ปุ่น ที่เชื่อมโยงกับความสงบของธรรมชาติอย่างกลมกลืน

เมื่อสองแนวคิดนี้มาบรรจบกันในสไตล์ Japandi เราจึงได้บ้านที่ “เรียบแต่ลึก” โล่ง โปร่ง เบา แต่มีความหมายในทุกดีเทล ทุกมุมของบ้านถูกออกแบบให้ใช้งานได้จริง มีจังหวะของการจัดวาง และทุกชิ้นล้วนถูกเลือกมาอย่างตั้งใจ

หลักการแต่งบ้านแบบ Japandi ที่คุณทำตามได้ง่ายๆ
1. เลือกใช้โทนสีธรรมชาติ (Natural Tones)

หัวใจของการแต่งบ้านสไตล์ Japandi คือ ความเรียบง่ายและความกลมกลืน โทนสีที่เลือกจึงควรเน้นความสงบ สบายตา และสื่อถึงธรรมชาติ โทนสีที่แนะนำ เช่น:
ขาวนวล เทาอ่อน น้ำตาลทราย สีไม้ธรรมชาติสีเขียวหม่น ฟ้าน้ำหมึก หรือสีน้ำเงินเข้มในโทนที่ดูนิ่งแซมด้วยสีเข้มอย่างดำเทา ส้มอิฐ หรือสีน้ำตาลไหม้ เพื่อสร้างจุดโฟกัสให้บ้านดูมีมิติ

  • ขาวนวล เทาอ่อน น้ำตาลทราย สีไม้ธรรมชาติ
  • สีเขียวหม่น ฟ้าน้ำหมึก หรือสีน้ำเงินเข้มในโทนที่ดูนิ่ง
  • แซมด้วยสีเข้มอย่างดำเทา ส้มอิฐ หรือสีน้ำตาลไหม้ เพื่อสร้างจุดโฟกัสให้บ้านดูมีมิติ

เนื่องจากแสงแดดเมืองไทยค่อนข้างแรง สีที่ดูซอฟต์ในต่างประเทศอาจดูจัดจ้านเกินไปเมื่อมาอยู่ในบ้านเรา แนะนำให้เลือกเฉดที่ “หม่นกว่าที่คิดไว้เล็กน้อย” จะช่วยให้บ้านดูนุ่มนวลและอยู่สบายตาในระยะยาว

2. เลือกใช้วัสดุธรรมชาติให้มากที่สุด

หนึ่งในจุดเด่นของ สไตล์ Japandi คือการใช้วัสดุที่มี “ผิวสัมผัส” และ “เรื่องราว” วัสดุธรรมชาติจะช่วยให้บ้านดูอบอุ่น ผ่อนคลาย และไม่รู้สึกแข็งหรือเทียมจนเกินไป วัสดุที่เหมาะกับสไตล์นี้ (และหาได้ง่ายในไทย!) ได้แก่:
ไม้จริง ทั้งไม้สีอ่อนแบบสแกนดิเนเวีย เช่น โอ๊ค, สน และไม้เข้มแบบญี่ปุ่น เช่น วอลนัต, ไม้สัก ที่คนไทยคุ้นเคยไผ่ หวาย รากไม้ วัสดุพื้นถิ่นที่ช่วยให้บ้านดูเย็นสบาย มีลมผ่าน และได้กลิ่นอายแบบไทยร่วมสมัยผ้าธรรมชาติ อย่าง ลินิน, ฝ้ายดิบ, ผ้าทอมือ ที่ไม่ผ่านการฟอกหรือย้อมสีแรง ช่วยเพิ่ม Texture ให้บ้านดูละมุนขึ้น

  • ไม้จริง ทั้งไม้สีอ่อนแบบสแกนดิเนเวีย เช่น โอ๊ค, สน และไม้เข้มแบบญี่ปุ่น เช่น วอลนัต, ไม้สัก ที่คนไทยคุ้นเคย‍
  • ไผ่ หวาย รากไม้ วัสดุพื้นถิ่นที่ช่วยให้บ้านดูเย็นสบาย มีลมผ่าน และได้กลิ่นอายแบบไทยร่วมสมัย‍
  • ผ้าธรรมชาติ อย่าง ลินิน, ฝ้ายดิบ, ผ้าทอมือ ที่ไม่ผ่านการฟอกหรือย้อมสีแรง ช่วยเพิ่ม Texture ให้บ้านดูละมุนขึ้น

ปล่อยให้วัสดุ "เล่าเรื่องของตัวเอง" ผ่านริ้วรอย ความไม่เรียบ หรือสีที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา นี่แหละคือความงามแบบ Wabi-Sabi ที่แท้จริง

3. เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่ใช้งานได้จริง

สไตล์ Japandi คือการ “ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก” แล้วเลือกเก็บไว้เฉพาะสิ่งที่ มีฟังก์ชันและมีความสวยงามในตัวเอง ไม่ต้องแต่งบ้านให้แน่นของ แต่เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่คิดมาแล้วว่า “ตอบโจทย์การใช้ชีวิต” ในทุกตารางนิ้ว ตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับบ้านสไตล์นี้:
เตียงแบบมีลิ้นชักเก็บของ เก็บของได้โดยไม่รบกวนสายตาโต๊ะกินข้าวที่เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ เหมาะกับบ้านหรือคอนโดพื้นที่จำกัดตู้บิวท์อินสูงจรดฝ้า ใช้พื้นที่แนวตั้งให้คุ้ม พร้อมเก็บของได้เยอะแบบไม่รกโซฟาปรับนอนได้ หรือดึงเบาะมาใช้บนพื้น ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและสไตล์มินิมอลแบบญี่ปุ่น

  • เตียงแบบมีลิ้นชักเก็บของ เก็บของได้โดยไม่รบกวนสายตา
  • โต๊ะกินข้าวที่เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ เหมาะกับบ้านหรือคอนโดพื้นที่จำกัด
  • ตู้บิวท์อินสูงจรดฝ้า ใช้พื้นที่แนวตั้งให้คุ้ม พร้อมเก็บของได้เยอะแบบไม่รก
  • โซฟาปรับนอนได้ หรือดึงเบาะมาใช้บนพื้น ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและสไตล์มินิมอลแบบญี่ปุ่น

Japandi ไม่ใช่แค่แต่งบ้านให้สวย แต่คือการ ออกแบบชีวิตให้ง่ายขึ้น และให้ทุกชิ้นในบ้าน “อยู่ด้วยเหตุผล”

4. จัดบ้านให้มีจังหวะและ “พื้นที่ว่างที่มีความหมาย”

บ้านที่ดี ไม่ใช่แค่มีของครบ แต่ต้องมี "ช่องว่าง" ที่ช่วยให้รู้สึกสงบ ในสไตล์ Japandi เราเรียกแนวคิดนี้ว่า ma (間) หรือ “ความว่างที่ไม่ว่างเปล่า” เป็นการออกแบบให้บ้านมีจังหวะของการวางของ การเว้นพื้นที่ และการพักสายตา ลองจัดบ้านแบบนี้ดู:
เว้นช่องไฟระหว่างเฟอร์นิเจอร์ ให้เดินได้สะดวกและสายตาไม่รู้สึกอึดอัดไม่วางของทุกมุม แต่เลือกวางเฉพาะมุมที่จำเป็นหรือมุมที่อยากให้เด่นปล่อยผนังบางด้านให้โล่ง หรือโชว์เท็กซ์เจอร์ของผนังไม้หรือผนังปูนเปลือยแทนการแขวนของ

  • เว้นช่องไฟระหว่างเฟอร์นิเจอร์ ให้เดินได้สะดวกและสายตาไม่รู้สึกอึดอัด
  • ไม่วางของทุกมุม แต่เลือกวางเฉพาะมุมที่จำเป็นหรือมุมที่อยากให้เด่น
  • ปล่อยผนังบางด้านให้โล่ง หรือโชว์เท็กซ์เจอร์ของผนังไม้หรือผนังปูนเปลือยแทนการแขวนของ

บ้านที่ “หายใจได้” จะช่วยให้คนที่อยู่รู้สึกผ่อนคลาย ไม่แน่น ไม่เครียด และมีสมาธิมากขึ้น นี่คือความเรียบง่ายที่ลึกซึ้งแบบ Japandi

5. เติมความเป็นธรรมชาติด้วยต้นไม้และของแฮนด์เมด

ถึงแม้สไตล์ Japandi จะดูเรียบง่าย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดูนิ่งเกินไป สิ่งที่ช่วยเติมความ “มีชีวิต” ให้บ้านได้ดีคือ ธรรมชาติ และ งาน handmade สิ่งเล็กๆ ที่ช่วยให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นทันที:
ต้นไม้ใบเขียวแบบดูแลง่าย เช่นไทรใบสัก, ยางอินเดีย, หรือ มอนสเตอร่า ที่ให้ทั้งความสดชื่นและช่วยฟอกอากาศแจกันหรือภาชนะเซรามิกทำมือ  ยิ่งมี texture ยิ่งสวยโคมไฟกระดาษญี่ปุ่น (Shoji lamp)  ให้แสงนุ่ม สบายตา และมีเอกลักษณ์งาน handmade เช่น หมอนอิง ผ้าปูโต๊ะ หรือพรมผืนเล็กๆ  เนื้อผ้าธรรมชาติช่วยเพิ่มความอบอุ่นและความรู้สึก “บ้าน”

  • ต้นไม้ใบเขียวแบบดูแลง่าย เช่นไทรใบสัก, ยางอินเดีย, หรือ มอนสเตอร่า ที่ให้ทั้งความสดชื่นและช่วยฟอกอากาศ‍
  • แจกันหรือภาชนะเซรามิกทำมือ ยิ่งมี texture ยิ่งสวย‍
  • โคมไฟกระดาษญี่ปุ่น (Shoji lamp) ให้แสงนุ่ม สบายตา และมีเอกลักษณ์‍
  • งาน handmade เช่น หมอนอิง ผ้าปูโต๊ะ หรือพรมผืนเล็กๆ เนื้อผ้าธรรมชาติช่วยเพิ่มความอบอุ่นและความรู้สึก “บ้าน”

บ้านที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ควร “มีชีวิต” และสะท้อนความเป็นตัวเรา Japandi ไม่ใช่แค่ดีไซน์ แต่คือบรรยากาศที่เราอยู่แล้วรู้สึก สงบ อบอุ่น และเป็นธรรมชาติ

ทำไมสไตล์ Japandi ถึงเหมาะกับบ้านเรา

          Japandi ไม่ใช่แค่เทรนด์การแต่งบ้านที่ดูเรียบง่าย แต่คือแนวทางการออกแบบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยในหลายด้าน ทั้งเรื่องขนาดบ้าน สภาพอากาศ และความต้องการพื้นที่ที่ใช้งานได้จริงในทุกตารางเมตรด้วยเส้นสายที่เรียบง่าย โทนสีอ่อนสบายตา และการจัดวางพื้นที่อย่างมีจังหวะ Japandi ช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้นโดยไม่ต้องต่อเติมอะไรเพิ่ม บ้านจะดูโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด เหมาะกับคอนโด บ้านทาวน์โฮม หรือพื้นที่ขนาดกะทัดรัดในเมืองที่ต้องการความผ่อนคลาย

เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้มักเน้นฟังก์ชันที่ตอบโจทย์จริง เช่น แบบบิวท์อินหรือมัลติฟังก์ชันที่ช่วยให้บ้านดูเรียบร้อยและเป็นระเบียบ ไม่รกสายตา ทุกชิ้นถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุดโดยไม่เสียความสวยงาม

นอกจากนี้ วัสดุธรรมชาติอย่างไม้ หวาย ไผ่ และผ้าฝ้าย ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย ช่วยให้บ้านระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น อยู่แล้วรู้สึกเย็นสบาย และมีบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติJapandi จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นแนวทางที่ทำให้บ้าน “อยู่สบาย” ทั้งในแง่ของการใช้งาน ความรู้สึก และบรรยากาศ รวมถึงช่วยสร้างสมดุลระหว่างฟังก์ชันและความสงบแบบมีความหมายในชีวิตประจำวัน

สิ่งที่ต้องคิด ก่อนเริ่มแต่งบ้านใหม่

          การแต่งบ้านไม่ใช่แค่การเลือกเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ แล้ววางให้ครบ แต่คือการออกแบบ “วิธีอยู่” ใหม่ ที่สะท้อนถึงความเป็นตัวเรา และตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริง ๆ ในทุกวัน ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนบ้านให้เป็นสไตล์ Japandi การหยุดคิดไตร่ตรองเล็กน้อย อาจทำให้บ้านหลังเดิม กลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่ลงตัวทั้งในแง่ของดีไซน์และฟังก์ชัน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือเรื่องของแสงและสี สีที่ดูละมุนในแคตตาล็อกหรือบน Pinterest อาจกลายเป็นสีที่ขาวจ้าจนเกินไปเมื่อเจอกับแสงธรรมชาติแรง ๆ แบบเมืองไทย การลองเทสต์สีจริงบนผนังบ้านก่อนทาเต็มพื้นที่ จะช่วยให้ได้เฉดที่พอดี เฉดที่ “หม่นนิดนึง” มักให้ความรู้สึกซอฟต์และนุ่มนวลกับสายตามากกว่าในระยะยาว

อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือวัสดุที่ใช้ การเลือกใช้ไม้สัก ไม้เต็ง ไผ่ หรือแม้แต่รากไม้จากแหล่งท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ให้ความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังช่วยให้บ้านดูมีชีวิต มีเรื่องเล่า และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยั่งยืนกว่าวัสดุที่สั่งมาจากที่ไกล

ก่อนจะตื่นเต้นกับของแต่งบ้านจุกจิก แนะนำให้เริ่มจากการวางแผนเฟอร์นิเจอร์หลักก่อน เช่น โซฟา เตียง หรือโต๊ะทานข้าว แล้วค่อยเติมของตกแต่งทีหลัง วิธีนี้จะช่วยควบคุมงบประมาณได้ดี และทำให้ทุกชิ้นที่เลือกเข้ามาในบ้าน “ใช่จริง ๆ” ทั้งในแง่ของขนาด การใช้งาน และสไตล์

สุดท้าย อย่าลืม “เคลียร์ของเก่า” ก่อนจะซื้อของใหม่เข้าบ้าน บ้านที่ดีไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยของตกแต่ง แต่ควรมีพื้นที่ให้หายใจ ลองพิจารณาอย่างตั้งใจว่าอะไรควรอยู่ อะไรควรไป การจัดบ้านให้เรียบร้อยตั้งแต่ต้นจะช่วยให้เราออกแบบสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น และอยู่แล้วรู้สึกสบายกว่าเดิม

ก่อนจะเปลี่ยนบ้าน ลองเปลี่ยนวิธีมองบ้าน แล้วคุณอาจได้พื้นที่ที่ “ใช่” มากกว่าที่เคยคิดไว้ก็ได้

สวย เรียบง่าย และใช้ได้จริง

Japandi ไม่ใช่แค่แนวทางการแต่งบ้าน แต่มันคือวิธีคิดเกี่ยวกับบ้านที่เน้นความเรียบง่ายและความหมายในทุกสิ่งที่เราเลือกจะอยู่ร่วมด้วย การอยู่ในบ้านไม่ใช่แค่การใช้พื้นที่ แต่คือการใช้ชีวิตอย่างตั้งใจ บ้านที่ตกแต่งในสไตล์นี้จึงไม่จำเป็นต้องหรูหรา หรือเต็มไปด้วยของตกแต่งมากมาย ขอแค่ทุกอย่างในบ้านมีที่มา มีหน้าที่ และสร้างความสุขให้กับคนที่อยู่

ความเรียบง่ายในแบบ Japandi ไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่คือการจัดสมดุล บ้านจึงดูโล่ง โปร่ง เบา แต่ยังคงความอบอุ่นเอาไว้ได้อย่างพอดี ทุกองค์ประกอบล้วนถูกเลือกอย่างตั้งใจ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบให้ใช้งานได้จริง วัสดุที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ หรือแม้แต่ช่องว่างระหว่างสิ่งของที่ทำให้บ้านหายใจได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาพื้นที่ที่อยู่ง่าย สบายตา และรู้สึกได้ถึงความสงบตั้งแต่แรกเห็น Japandi คือคำตอบ บ้านไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องตามเทรนด์ แค่ขอให้ตอบโจทย์ชีวิตจริง อยู่แล้วเย็นใจ และเป็นที่ที่เราอยากกลับมาในทุกวัน

เริ่มต้นได้จากการปรับมุมเล็ก ๆ ในบ้าน ลองเลือกสิ่งของที่เรารักจริง ๆ เคลียร์ของที่ไม่จำเป็น ใช้แสงธรรมชาติให้มากขึ้น  แค่เพียงเท่านี้ บ้านของคุณก็จะเริ่มมีความเรียบง่ายในแบบของตัวเอง

Continue Reading

We showcasing a range of innovative projects and the diverse materials and unconventional forms employed in their construction.
View all posts